ควัน กลิ่นอาหาร และอากาศอับภายในบ้าน เป็นปัญหาที่หลายคนต้องเจอ โดยเฉพาะบ้านหรือคอนโดที่มีพื้นที่ครัวจำกัด เมื่อต้องเลือกอุปกรณ์ช่วยระบายอากาศ หลายคนมักสับสนระหว่าง เครื่องดูดควัน และ เครื่องดูดอากาศ ว่าทั้งสองแบบนี้แตกต่างกันอย่างไร ใช้แทนกันได้หรือไม่ และควรเลือกแบบไหนให้เหมาะกับการใช้งานของตัวเอง บทความนี้จะพาไปทำความเข้าใจความแตกต่างของอุปกรณ์ทั้งสอง พร้อมแนะแนวทางการเลือกใช้งานให้ตอบโจทย์บ้านของคุณมากที่สุด
เครื่องดูดควันคืออะไร?
เครื่องดูดควัน (Range Hood / Cooker Hood) เป็นอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ออกแบบมาเพื่อใช้งานในห้องครัวโดยเฉพาะ มีหน้าที่หลักในการดูดควัน กลิ่น ไอน้ำมัน และไอร้อนที่เกิดขึ้นระหว่างการประกอบอาหารออกจากบริเวณเตาโดยตรง ช่วยลดการฟุ้งกระจายของกลิ่นอาหารไปยังพื้นที่อื่นภายในบ้าน และทำให้บรรยากาศในครัวสะอาด น่าใช้งานมากขึ้น

เครื่องดูดควันทำงานโดยการดูดอากาศที่ปนเปื้อนควันและกลิ่น ผ่านแผ่นกรองน้ำมัน จากนั้นจึงระบายอากาศออกไปภายนอก หรือกรองอากาศแล้วปล่อยกลับเข้าสู่ห้อง (ในกรณีระบบหมุนเวียน) ซึ่งช่วยลดการสะสมของคราบน้ำมันบนผนัง ฝ้า เพดาน และเฟอร์นิเจอร์ครัวได้อย่างมีประสิทธิภาพ
จุดเด่นของเครื่องดูดควัน
- ดูดควันและกลิ่นได้ตรงจุดเหนือเตา ช่วยรับมือกับการทำอาหารที่มีควันมาก เช่น การผัด ทอด หรือย่าง
- ลดการสะสมของคราบน้ำมัน ทำให้ผนังและตู้ครัวดูสะอาดได้นานขึ้น
- มีแผ่นกรองน้ำมัน ช่วยดักจับสิ่งสกปรกและทำให้อากาศภายในครัวสะอาดขึ้น
- มีดีไซน์ให้เลือกหลากหลาย ทั้งแบบติดผนัง แบบติดใต้ตู้ หรือแบบเกาะกลาง เพิ่มความสวยงามให้ครัวสมัยใหม่
เหมาะกับใคร
เครื่องดูดควันเหมาะสำหรับบ้านหรือคอนโดที่ทำอาหารเป็นประจำ โดยเฉพาะครัวไทยหรือครัวปิดที่มักมีควันและกลิ่นแรงจากการปรุงอาหาร รวมถึงผู้ที่ต้องการควบคุมกลิ่นอาหารไม่ให้กระจายไปทั่วบ้าน และต้องการรักษาความสะอาดของพื้นที่ครัวในระยะยาว
การใช้งานเครื่องดูดควันให้ได้ประสิทธิภาพ
แม้เครื่องดูดควันจะช่วยจัดการควันและกลิ่นได้ดี แต่การใช้งานอย่างถูกวิธีจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและยืดอายุการใช้งานของเครื่องได้มากขึ้น
- เปิดเครื่องดูดควันก่อนเริ่มทำอาหาร
ควรเปิดเครื่องดูดควันล่วงหน้าประมาณ 1–2 นาที เพื่อให้อากาศเริ่มหมุนเวียนและพร้อมดูดควันทันทีเมื่อเริ่มปรุงอาหาร - เลือกความแรงของพัดลมให้เหมาะกับเมนู
เมนูต้ม หรือนึ่ง อาจใช้ระดับความแรงต่ำ แต่หากเป็นเมนูผัด ทอด หรือย่าง ควรปรับเป็นระดับกลางถึงแรง เพื่อดูดควันและกลิ่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ - เปิดเครื่องต่อหลังทำอาหารเสร็จเล็กน้อย
หลังทำอาหารเสร็จ ควรปล่อยให้เครื่องทำงานต่ออีกประมาณ 5–10 นาที เพื่อดูดกลิ่นและไอร้อนที่ตกค้างในครัวออกไปให้หมด - ใช้งานร่วมกับการเปิดช่องระบายอากาศ
หากเปิดหน้าต่างหรือช่องลมร่วมด้วย จะช่วยให้อากาศไหลเวียนดีขึ้นและลดภาระการทำงานของเครื่องดูดควัน
ทริคการดูแลและบำรุงรักษาเครื่องดูดควัน
การดูแลเครื่องดูดควันอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้เครื่องทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ และลดปัญหากลิ่นตกค้างหรือแรงดูดลดลง
- ทำความสะอาดแผ่นกรองน้ำมันเป็นประจำ
ควรถอดแผ่นกรองออกมาล้างทุก 2–4 สัปดาห์ (ขึ้นอยู่กับความถี่ในการใช้งาน) สามารถแช่น้ำอุ่นผสมน้ำยาล้างจาน หรือเบกกิ้งโซดา เพื่อขจัดคราบมัน - เช็ดทำความสะอาดตัวเครื่องภายนอก
ใช้ผ้าชุบน้ำหมาด ๆ เช็ดคราบน้ำมันและฝุ่น ไม่ควรใช้น้ำยาที่มีฤทธิ์กัดกร่อน เพื่อป้องกันผิวเครื่องเสียหาย - เปลี่ยนหรือทำความสะอาดแผ่นกรองคาร์บอนตามรอบ
สำหรับเครื่องดูดควันระบบหมุนเวียน ควรเปลี่ยนแผ่นกรองคาร์บอนตามระยะเวลาที่ผู้ผลิตแนะนำ เพื่อให้การดูดกลิ่นมีประสิทธิภาพ - หลีกเลี่ยงการปล่อยให้คราบน้ำมันสะสมเป็นเวลานาน
คราบน้ำมันที่สะสมมากเกินไป อาจทำให้แรงดูดลดลง และเป็นแหล่งสะสมของกลิ่นไม่พึงประสงค์

เครื่องดูดอากาศคืออะไร?
เครื่องดูดอากาศ (Exhaust Fan / Ventilation Fan) เป็นอุปกรณ์ที่มีหน้าที่หลักในการช่วยระบายอากาศภายในห้อง โดยการดูดอากาศเก่า อากาศอับชื้น อากาศร้อน หรือกลิ่นไม่พึงประสงค์ออกไปสู่ภายนอก เพื่อให้อากาศใหม่ไหลเวียนเข้ามาแทนที่ ช่วยปรับสภาพแวดล้อมภายในบ้านให้โปร่ง โล่ง และน่าอยู่อาศัยมากขึ้น
เครื่องดูดอากาศไม่ได้ออกแบบมาเพื่อดูดควันหรือไอน้ำมันจากการทำอาหารโดยตรงเหมือนเครื่องดูดควัน แต่จะเน้นการหมุนเวียนอากาศในภาพรวม จึงเหมาะกับพื้นที่ที่ต้องการลดความอับชื้น ลดกลิ่น และเพิ่มการถ่ายเทอากาศอย่างต่อเนื่อง
จุดเด่นของเครื่องดูดอากาศ
- ช่วยลดความอับชื้นและกลิ่นอับภายในห้อง ลดการสะสมของเชื้อราและแบคทีเรีย
- ใช้พลังงานต่ำ ทำงานไม่ซับซ้อน ประหยัดค่าไฟในระยะยาว
- ติดตั้งง่าย สามารถติดตั้งได้ทั้งผนังหรือฝ้าเพดาน
- ราคาย่อมเยา เหมาะกับการใช้งานหลายจุดภายในบ้าน
- ใช้งานได้กับหลายพื้นที่ ไม่จำกัดเฉพาะห้องครัว

เหมาะกับใคร
เครื่องดูดอากาศเหมาะสำหรับพื้นที่ที่ต้องการระบายอากาศเป็นหลัก เช่น ห้องน้ำ ห้องซักล้าง ห้องเก็บของ หรือพื้นที่ปิดที่อากาศถ่ายเทไม่สะดวก รวมถึงครัวเบา ๆ ที่ไม่ค่อยมีควันหรือไอน้ำมัน และบ้านที่ต้องการเพิ่มการถ่ายเทอากาศโดยรวม เพื่อให้บ้านรู้สึกสดชื่น ไม่อับชื้น
การใช้งานเครื่องดูดอากาศให้ได้ประสิทธิภาพ
แม้เครื่องดูดอากาศจะเป็นอุปกรณ์ที่ใช้งานง่าย แต่การใช้อย่างถูกวิธีจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการระบายอากาศและยืดอายุการใช้งานของเครื่องได้
- เปิดเครื่องขณะใช้งานพื้นที่นั้น ๆ
เช่น เปิดเครื่องดูดอากาศในห้องน้ำขณะอาบน้ำ หรือในห้องซักล้างขณะตากผ้า เพื่อดูดความชื้นออกไปทันที ลดการสะสมของไอน้ำและกลิ่นอับ - เปิดเครื่องต่อหลังใช้งานสักระยะ
ควรปล่อยให้เครื่องทำงานต่ออีกประมาณ 10–15 นาที หลังใช้งานเสร็จ เพื่อให้อากาศภายในห้องถ่ายเทจนหมด ช่วยลดการเกิดเชื้อราในระยะยาว - ใช้งานร่วมกับช่องเปิดอากาศ
หากเปิดหน้าต่าง ประตู หรือช่องลมเล็กน้อยควบคู่กัน จะช่วยให้อากาศใหม่ไหลเข้ามาได้ดีขึ้น ทำให้เครื่องดูดอากาศทำงานได้เต็มประสิทธิภาพมากขึ้น - เลือกขนาดเครื่องให้เหมาะกับพื้นที่
ห้องที่มีขนาดใหญ่ควรเลือกเครื่องดูดอากาศที่มีกำลังดูดเหมาะสม เพื่อให้สามารถระบายอากาศได้อย่างทั่วถึง
ทริคการดูแลและบำรุงรักษาเครื่องดูดอากาศ
การดูแลรักษาอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้เครื่องดูดอากาศทำงานได้ดี ไม่เสียงดัง และใช้งานได้นานขึ้น
- ทำความสะอาดตะแกรงและใบพัดเป็นประจำ
ฝุ่นและคราบสกปรกที่สะสมอาจทำให้แรงดูดลดลง ควรถอดตะแกรงมาล้างหรือเช็ดทำความสะอาดทุก 1–2 เดือน - ตรวจเช็กเสียงและการสั่นของเครื่อง
หากเครื่องมีเสียงดังผิดปกติหรือสั่นมาก อาจเกิดจากฝุ่นสะสมหรือการยึดติดไม่แน่น ควรรีบแก้ไขเพื่อป้องกันความเสียหาย - หลีกเลี่ยงการใช้งานต่อเนื่องเป็นเวลานานเกินไป
แม้เครื่องดูดอากาศจะใช้พลังงานต่ำ แต่การใช้งานต่อเนื่องยาวนานโดยไม่จำเป็น อาจทำให้มอเตอร์ทำงานหนักเกินไป - ตรวจสอบช่องระบายอากาศภายนอก
ควรดูแลให้ช่องระบายอากาศด้านนอกไม่อุดตัน เพื่อให้อากาศสามารถระบายออกได้อย่างราบรื่น
ตารางเปรียบเทียบความแตกต่าง
| รายการ | เครื่องดูดควัน | เครื่องดูดอากาศ |
|---|---|---|
| จุดประสงค์หลัก | ดูดควันและกลิ่นจากการทำอาหาร | ระบายอากาศภายในห้อง |
| ตำแหน่งติดตั้ง | เหนือเตา | ผนังหรือฝ้า |
| การจัดการน้ำมัน | มีแผ่นกรองน้ำมัน | ไม่มี |
| พลังดูด | แรงและเฉพาะจุด | ปานกลาง |
| เหมาะกับครัว | ครัวหนัก / ครัวไทย | ครัวเบา หรือพื้นที่ทั่วไป |
เลือกแบบไหนดีกว่ากัน?
คำตอบของคำถามนี้ไม่ได้มีแบบตายตัว เพราะการเลือกใช้ เครื่องดูดควัน หรือ เครื่องดูดอากาศ ควรพิจารณาจากลักษณะการใช้งานจริงภายในบ้านเป็นหลัก ไม่ใช่แค่ความสวยงามหรือราคาเพียงอย่างเดียว
กรณีที่ควรเลือก “เครื่องดูดควัน”
หากคุณเป็นคนที่ ทำอาหารเป็นประจำ โดยเฉพาะเมนูผัด ทอด ย่าง หรืออาหารที่มีกลิ่นแรง เครื่องดูดควันจะตอบโจทย์ได้ดีกว่า เนื่องจากออกแบบมาเพื่อดูดควันและไอน้ำมันจากบริเวณเตาโดยตรง ช่วยลดกลิ่นอาหารไม่ให้ฟุ้งกระจายไปทั่วบ้าน ลดคราบน้ำมันสะสมบนผนัง ฝ้า และเฟอร์นิเจอร์ครัว อีกทั้งยังช่วยให้บรรยากาศในครัวสะอาดและน่าใช้งานมากขึ้น เหมาะอย่างยิ่งกับครัวไทย ครัวปิด หรือบ้านที่มีพื้นที่ครัวเชื่อมต่อกับห้องอื่น
กรณีที่เหมาะกับ “เครื่องดูดอากาศ”
ในทางกลับกัน หากคุณ ไม่ได้ทำอาหารหนัก หรือใช้ครัวแบบเบา ๆ เช่น อุ่นอาหาร ต้ม หรือทำเมนูที่ไม่ค่อยเกิดควัน เครื่องดูดอากาศก็ถือว่าเพียงพอ เครื่องประเภทนี้จะช่วยระบายอากาศ ลดความอับชื้น และกลิ่นอับภายในห้องได้ดี เหมาะกับบ้านที่ต้องการเพิ่มการถ่ายเทอากาศโดยรวม หรือใช้ในพื้นที่อื่น ๆ เช่น ห้องน้ำ ห้องซักล้าง หรือห้องเก็บของ

ใช้ร่วมกัน เพื่อประสิทธิภาพสูงสุด
สำหรับบ้านบางหลัง โดยเฉพาะบ้านที่มี ครัวปิดหรือพื้นที่อับลม การเลือกใช้ทั้งเครื่องดูดควันและเครื่องดูดอากาศร่วมกัน จะช่วยเสริมประสิทธิภาพได้อย่างลงตัว เครื่องดูดควันจะจัดการควันและไอน้ำมันจากเตาโดยตรง ส่วนเครื่องดูดอากาศจะช่วยหมุนเวียนอากาศในภาพรวม ทำให้ครัวและพื้นที่โดยรอบโปร่ง โล่ง และลดกลิ่นตกค้างได้ดียิ่งขึ้น
ทริค & เกร็ดความรู้เล็กน้อย
- ครัวปิดหรือครัวที่อยู่ใกล้ห้องนั่งเล่น ควรเลือกเครื่องดูดควันที่มีกำลังดูดเหมาะสมกับขนาดห้อง
- หากใช้เครื่องดูดควันแบบหมุนเวียน ควรเปลี่ยนหรือทำความสะอาดแผ่นกรองอย่างสม่ำเสมอ
- เครื่องดูดอากาศควรติดตั้งในตำแหน่งที่อากาศอับที่สุด เช่น มุมสูงหรือใกล้แหล่งความชื้น
- บ้านที่อากาศถ่ายเทยาก การใช้เครื่องดูดควันควบคู่กับเครื่องดูดอากาศ จะช่วยลดกลิ่นตกค้างได้ดีกว่าใช้เพียงอย่างเดียว
สรุปบทความต่างกันยังไง? เลือกแบบไหนดีกว่ากัน
เครื่องดูดควันและเครื่องดูดอากาศเป็นอุปกรณ์ที่ช่วยจัดการเรื่องอากาศภายในบ้านเหมือนกัน แต่ถูกออกแบบมาเพื่อการใช้งานที่ต่างกันอย่างชัดเจน
เครื่องดูดควัน เหมาะกับการใช้งานในห้องครัวโดยเฉพาะ ทำหน้าที่ดูดควัน กลิ่น ไอน้ำมัน และไอร้อนจากเตาโดยตรง จึงตอบโจทย์บ้านที่ทำอาหารบ่อย ผัด ทอด หรือมีกลิ่นแรง ช่วยลดคราบน้ำมันและกลิ่นอาหารไม่ให้กระจายไปทั่วบ้าน
ขณะที่ เครื่องดูดอากาศ จะเน้นการระบายอากาศในภาพรวม ช่วยลดความอับชื้น กลิ่นอับ และเพิ่มการถ่ายเทอากาศ เหมาะกับพื้นที่อย่างห้องน้ำ ห้องซักล้าง หรือครัวเบา ๆ ที่ไม่ค่อยมีควัน
ดังนั้น คำตอบของการเลือกใช้งานจึงขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการใช้ครัว หากเน้นทำอาหารจริงจัง เครื่องดูดควันคือสิ่งจำเป็น แต่หากต้องการเพียงอากาศถ่ายเท ลดความอับ เครื่องดูดอากาศก็เพียงพอ และในบางบ้านอาจเลือกใช้ทั้งสองแบบร่วมกัน เพื่อให้ได้อากาศที่สะอาดและสดชื่นมากที่สุด























